- เลือกกิ่งพันธุ์ที่แข็งแรงเจริญเติบโตดี และต้อง เป็นกิ่งพันธุ์ที่ทนต่อโรค เพื่อป้องกันโรคแคงเกอร์
- เจาะหลุมตรงกลางวงบ่อซีเมนต์ให้ลึกพอประมาณ นำกิ่งพันธุ์มะนาวที่เตรียมไว้วางในหลุมลึก
ประมาณ ๕ นิ้ว กลบดินที่โคน ปักไม้และผูกกับต้นมะนาวเพื่อป้องกันการโยกของต้นเพื่อไม่ให้รากกระเทือน แล้วใช้
เศษฟางคลุมหน้าดิน
๓. การให้น้ำ
๓. การให้น้ำ
- รดน้ำให้ชุ่มหลังจากใช้เศษฟางคลุมหน้าดินแล้ว
- สัปดาห์แรกรดน้ำทุกวัน ๆ ละ ๑ – ๒ ครั้งให้ดินชุ่ม (ถ้าฝนไม่ตก) และควรให้น้ำครั้งละน้อย ๆ ต่อไปรดน้ำวันเว้นวัน หรือรดน้ำเมื่อดินแห้ง หรือใบสลด การปลูกแบบนี้จะขาดน้ำไม่ได้
๔. การให้ปุ๋ย
- เมื่อปลูกมะนาวได้ประมาณ ๑ เดือน ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร ๑๕ – ๑๕ – ๑๕ หรือ ๑๖ – ๑๖ – ๑๖ ต้น
ละ ๑ ช้อนแกงครึ่ง โดยหว่านรอบโคนต้นแล้วรดน้ำตาม ต่อไปใส่ปุ๋ยทุก ๒๐ วัน และพ่นปุ๋ยทางใบ (อาหารเสริม/
อาหารรอง) โดยผสมกับสารป้องกันกำจัดโรคเดือนละครั้งเมื่ออายุ ๘ เดือน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร ๒๕ – ๗ – ๗ ต้นละช้อน
แกง เพื่อบำรุงใบและลำต้นให้แข็งแรง
- หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ตัดแต่งกิ่ง และเติมดินร่วนผสมปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกให้เต็มปากบ่อ และใส่ปุ๋ยสูตร
เสมอ ๒ ช้อนแกงต่อต้นและรดน้ำให้ชุ่ม ทุก ๒๐ วัน
๕. การบังคับให้ออกดอก
- ช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน หลังจากใส่ปุ๋ยสูตร ๑๕-๑๕-๑๕ ประมาณ ๑ ช้อนแกง รดน้ำให้ปุ๋ยละลายแล้วต้องงดน้ำอย่างสิ้นเชิง เป็นเวลา ๑๕-๒๐ วัน แต่ถ้าฝนตกต้องหาพลาสติกมาคลุมโคนต้นทุกต้น เมื่อเห็นว่ามะนาวเริ่มเฉาสลัดใบทิ้ง จึงให้น้ำตามปกติ และให้ปุ๋ยสูตร๘-๒๔-๒๔ ประมาณ ๒ ช้อนแกงต่อต้น ต่อมาอีกประมาณ๑๕ วัน จะเห็นว่ามะนาวเริ่มแตกยอดอ่อน และออกดอกมาในคราวเดียวกัน
- ช่วงมะนาวมีดอกจะต้องดูแล โดยฉีดพ่นสารสะเดา หรือสารขับไล่แมลงอื่น ๆ ส่วนช่วงมะนาวติดผล
จะต้องฉีดพ่นสารกำจัดเชื้อราบ้าง และต้องใส่ปุ๋ยสูตร๑๕-๑๕-๑๕ ในอัตราส่วน ๑ – ๒ ช้อนแกง ทุก ๒๐ วัน มะนาวที่ติดผลอ่อนช่วงพฤศจิกายน จะเก็บผลได้ประมาณเดือนเมษายน ซึ่งจะขายได้ราคาดี เพราะช่วงนี้มะนาวในท้องตลาดจะขาดแคลน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น